วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความสุขที่แท้จริงนั้น ย่อมเกิดจากบุญกุศล ท่านพ่อลี ธัมมธโร

...สัมภเวสี... คือวิญญาณลอยไปเที่ยวหาที่เกาะ โลกของเทวดา...นั้นมีแต่เกิดกับตาย โลกมนุษย์...มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย โลกนิพพาน...ไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย ความสุขที่แท้จริงนั้น...ย่อมเกิดจากบุญกุศล...
ท่านพ่อลี ธัมมธโร (พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์)วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ





ที่มา   https://www.facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ 



วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คติธรรม การให้ทาน องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

 

 

''' การให้ทาน คนมีทานคือคนมีความชุ่มเย็นภายในใจ มีที่รับรองภพชาติของตน ทั้งปัจจุบันก็อบอุ่นเย็นใจ ในอนาคตชีวิตจิตใจจะล้มจะตายไปเหมือนโลกทั่วๆไป แต่สถานที่คือความดีทั้งหลายที่กลายเป็นแก้วสารพัดนึกเป็นของทิพย์นั้น จะรอรับเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ปัจจุบันที่มีชีวิตอยู่นี้จนกระทั้งชีวิตหาไม่แล้ว บุญกุศลผลงานอันเลิศเลอของเรานี้ จะตามสนับสนุนเราไปในภพชาติต่างๆ '''

''' คติธรรม '''  องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน 

 

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บาปไม่ชนะบุญฉันใด ความดีย่อมชนะความชั่วฉันนั้น

เรื่อง บาปไม่ชนะบุญฉันใด ความดีย่อมชนะความชั่วฉันนั้น

(วิสัชนาธรรมโดย หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)
● โยม : ดิฉันขอพึ่งบารมีหลวงปู่ให้ผ่อนหนักเป็นเบาด้วยเถิดค่ะ เรื่องมีว่า ดิฉันและสามีแต่งงานมา ๑๕ ปีแล้ว มารดาของสามีพยายามหาผู้หญิงมาให้สามีหลายคนแต่ไม่สำเร็จ แต่ในครั้งนี้ท่านพยายามมากเหลือเกิน โดยพยายามนำผู้หญิงคนนี้มาบ้านเสมอ ดุด่าว่าดิฉัน ไม่ยอมให้ดิฉันไปไหนกับสามี เพื่อให้ผู้หญิงคนนี้ไปแทน ท่านพยายามทำให้ลูกชายท่านเลิกกับดิฉันให้ได้ แต่สามีดิฉันเป็นคนมีใจเป็นธรรม พยายามอยู่ห่างผู้หญิงคนนี้ ดิฉันไม่มีที่พึ่งอื่นใด หากเป็นกรรมแต่ชาติปางก่อน ดิฉันขอให้หลวงปู่ช่วยให้กรรมนั้นเบาบางลงด้วยเถิดนะคะ
● หลวงปู่ : รู้เรื่องทุกประการแล้ว จะอย่างไรก็ตาม ท่านรังเกียจเรา เราอย่าไปรังเกียจท่านตอบ โบราณกล่าวว่า “เหมือนกอบน้ำเข้าใส่ทรายผง เหมือนดังกำทรายผงหว่านลงในน้ำ” ดังนี้เป็นต้น เราต้องเอาความดีเข้าต่อสู้ ความชั่วชนะความดีไม่ได้ดอก เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายด้วย และถ้าหากว่าเป็นกรรมเก่าที่ตามมาแต่ชาติก่อน ก็ยกมือใส่หัวซะ ขอให้แล้วกันไป จะไม่จองเวรอาฆาตใดๆ ดอก ดังนี้เป็นต้น ส่วนหลวงปู่ก็จะพยายามเมตตาไม่ให้เป็นเวรเป็นภัยกัน “ด้วยเดชพระพุทธศาสนาอันทรงพระคุณค่าอยู่ไม่มีประมาณ ขอให้เรื่องปัจจุบันกาลนี้ ให้คลี่คลายผ่อนหนักให้เป็นเบาลง สงบเสียอยู่ทุกเมื่อเทอญ”
ส่วนพระมารดานั้น ท่านทำกรรมไม่ชอบธรรม ไม่สมฐานะเป็นผู้ใหญ่ แต่ผลของกรรมก็มอบไว้ให้เป็นเรื่องของท่านซะ เรามีหน้าที่ทำดีต่อท่านเสมอ ท่านยิ่งแสดงความรังเกียจ เราก็ยิ่งทำความดีเพื่อให้ชนะท่านเท่าที่จะทำได้ ปัญหาทั้งหลายหากจะสงบลงเอง เพราะบาปไม่ชนะบุญ
● หลวงปู่หล้า เขมปัตโต •
◎ ตอบปัญหาธรรมและการปฏิบัติธรรม ◎

ที่มา   https://www.facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ 

กระดูกแขวนคอ ท่านพ่อลี ธัมมธโร

                                    กระดูกแขวนคอ

"มนุษย์นั้นโง่ ชอบกลืนกินแต่อารมณ์เลว ใช่แต่เท่านั้น เริ่องที่ไม่มีความจริง ก็ยังกลืนเข้าไปอีก ของดีก็ไม่อยากสนใจ ส่วนของไม่ดี อุตสาห์ไปกระแด่ว ๆ เอาใจไปจดไปจำ เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ "

                                                                                               ...ท่านพ่อลี ธัมมธโร...

                   ที่มา   https://www.facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ 


วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

คำสอน หลวงปู่ขาว อนาลโย

ระหว่างอยู่ฆราวาส เราก็ฝึกเสีย ให้มีขันติ ความทนทาน ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยความลำบาก ให้มีวิริยะความพากเพียรในคุณงามความดีทุกสิ่งทุกอย่าง เพียรละสิ่งที่ไม่ดีนั่น เพียรละ เพียรถอน มันจะทำไม่ดีก็เพราะใจนั่นแหละ มันเป็นผู้ทำ สกนธ์กายนี้เป็นเครื่องใช้ต่างหาก มันเป็นของกลาง ไม่ใช่ของใคร ของเราเป็นของกลาง ผู้ฉลาดมาใช้อันนี้ ใช้สกนธ์กายอันนี้ทำคุณงามความดี ร่างกายนี้มันไม่เป็นสาระแก่นสาร ทรัพย์สมบัติวัตถุภายนอกก็ไม่เป็นแก่นสาร ชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่เป็นสาระแก่นสาร เมื่อผู้ฉลาด ผู้มี ปัญญา ผู้ไม่ประมาทแล้ว มาทำร่างกายให้ประกอบคุณงามความดี มีการเดิน การยืน มีการนั่ง การนอน ประกอบอยู่อย่างนั้น ได้ชื่อว่าทำสกนธ์กายของตนให้เป็นสาระแก่นสาร ทำชีวิตของตนให้เป็นสาระแก่นสาร

บริจาคให้ทานไปตามได้ตามมีตามเกิด ก็ได้ชื่อว่าทำทรัพย์สมบัติวัตถุภายนอกให้เป็นแก่นสาร เอาเข้ามาไว้เป็นอริยทรัพย์ภายในของตนเสีย การทำความเพียรทุกสิ่งทุกอย่าง เรียกว่าทำอริยทรัพย์ของตน ทำให้ตน เมื่อเรายังไม่พ้นทุกข์ ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารจักรนี้ ทรัพย์อันนี้ไม่มีสูญมีหายไปไหน ต้องติดตามไปทุกภพทุกชาติ ให้ได้ความสุขทุกภพทุกชาติ จึงว่าควรทำ ค่อยทำไปๆ แต่ก่อนๆ ท่านที่เป็นฆราวาส ท่านก็ได้สำเร็จพระโสดา สกิทาคา อนาถบิณฑิกก็ดี นางวิสาขาก็ดี ว่าแต่ผู้จำได้ ส่วนนอกนั้นก็นับไม่ถ้วน พวกฆราวาสที่สำเร็จพระโสดา สกิทาคา อนาคา ผู้มีศรัทธา ผู้มีความยินดีแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เลือกว่าต้องนุ่งเหลืองจึงจะสำเร็จ ไม่ใช่ นุ่งขาวก็ไม่ว่า นุ่งเหลืองก็ไม่ว่า หัวโล้นก็ไม่ว่า หัวดำก็ไม่ว่า สำเร็จหมด ชั้นสูงก็ไม่ว่า ชั้นต่ำก็ไม่ว่า สำเร็จหมด ไม่เลือกชั้นเลือกวรรณะ ไม่เลือกชาติเลือกภาษา

ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้าทำลงไปแล้วไม่มีผล ไม่มี ต้องมีผลทีเดียว ทำน้อยก็ได้รับผลตามน้อย ทำมากก็ได้รับผลตามมาก ติดตนเป็นอริยทรัพย์ สมบัติอันนี้ได้รับผลตามกำลัง พวกคุณเกิดมาชาตินี้ก็สมบูรณ์ทุกอย่าง บาปก็ไม่ได้ทำสักหน่อย มันเป็นผู้บริบูรณ์แล้ว พึงเข้าใจว่าเราไม่พ้นในชาตินี้ มันก็รู้จักกันเดี๋ยวนี้ละ

พระพุทธเจ้าบอกรู้จักกันเดี๋ยวนี้แหละ จะเป็นเทพยดา อินทร์ พรหม ก็รู้จักแต่เป็นมนุษย์นี่แหละ เสวยสวรรค์ดิบอยู่ในมนุษย์นี่แหละ จะได้ไปพระนิพพานก็เสวยอยู่ในมนุษย์นี่แหละ ได้เห็นในมนุษย์นี่เสียก่อน เหมือนพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วนั่นแหละ นิพพานดิบในมนุษย์ รู้แจ้งเห็นแจ้งอยู่ในมนุษย์นี่เสียก่อน

                                                   ...หลวงปู่ขาว อนาลโย...

                        ที่มา   https://www.facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ 

 

คติธรรม ท่านพ่อลี ธัมมธโร

"ปาก จมูก" เป็น "ประตู"
"หู ตา" เป็น "หน้าต่าง"
เราต้องคอย "ปิดเปิด" ให้ถูกกาลเวลา
จึงจะได้รับ "ประโยชน์และปลอดภัย"

(คติธรรม ท่านพ่อลี ธัมมธโร)

 

 

                             ที่มา  https://www.facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ 

 

พิธีต่ออายุใหญ่ตามตำรับโบราณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

                    พิธีต่ออายุใหญ่ตามตำรับโบราณ


ตามวิธีโบราณาจารย์ท่านสอนไว้อย่างนี้นะว่า วิธีต่ออายุใหญ่ คือถึงปีหนึ่งถ้าเป็นวันเกิดหรือเป็นวันสำคัญของเรา วันไหนก็ได้ทำกับข้าว ทำอาหารพิเศษตามที่เราพอใจ เท่าที่ทุนจะพึงมี จัดการใส่บาตรแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ถ้าหากว่ามีสตางค์ก็สร้างพระพุทธรูปสัก ๑ องค์ พระพุทธรูปนี่จะเป็นพระดินเหนียวก็ได้ เป็นพระปูนซีเมนต์ก็ได้ เป็นปูนปลาสเตอร์ก็ได้ หรือพระโลหะก็ได้ไม่จำกัด เพราะเป็นรูปพระแล้ว มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ต้องมีหน้าตักไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว ถวายไว้เป็นสมบัติของสงฆ์ หลังจากนั้นก็เอาสัตว์ที่จะพึงถูกฆ่าตาย อย่างที่เขานำเอามาขายเพื่อแกงหรือที่เขาทอดแหสุ่มปลาได้ ถ้ามีสตางค์ก็ไปซื้อเขาสักตัว ๒ ตัว ตามกำลัง แล้วปล่อยไป และก็อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาผู้รักษาชีวิต ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนี้เป็นนิจ คำว่า อุปฆาตกกรรม คือกรรมที่เข้ามาริดรอนก่อนอายุขัยก็ดี และ อกาลมรณะ การที่จะตายก่อนอายุขัยก็ดี จะไม่มีสำหรับผู้ที่ทำแบบนี้ แต่ทว่าถ้ากรรมอย่างนี้เข้ามาถึงแค่ป่วยไม่มากก็เป็นของธรรมดา

จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๒ หน้าที่ ๑๗๘ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ 

 

 

 

การรับเงินของพระ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


                                 การรับเงินของพระ

                        เทศนาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แก่ภิกษุสามเณร

                        เรื่องวินัยสงฆ์เกี่ยวกับการรับเงินของพระ

                         เมื่อ 17 ก.ย. 2518

 

ทีนี้มาถึงสิกขาบทข้อที่ ๘. พระวินัยกล่าวว่า “อนึ่งภิกษุใดรับก็ดีให้รับก็ดีซึ่งทองเงินหรือยินดีทองเงินอันเขาเก็บไว้ให้เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์”

“สำหรับสิกขาบทนี้ขอท่านทั้งหลายจงใคร่ครวญให้ดี ทั้งนี้ในที่บางแห่ง หรือในเขตบางเขต เขาไม่มีโยมรับเงินรับทองกัน และชาวบ้านเขาก็เห็นกันว่าพระที่ไม่รับเงินรับทอง เป็นพระที่เคร่งครัดมัธยัสถ์ ถึงกับมีการรังเกียจพระที่รับเงินรับทอง แต่ตามความเข้าใจของผมหรือว่าพระมหาเถรานุเถระฝ่ายวิปัสสนา ธุระ มีความเข้าใจกันดี อันนี้เพราะอะไรเพราะว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า รับเองก็ดี ใช้ให้คนอื่นรับก็ดี หรือมีความรู้สึกอยู่ว่าเขาเก็บไว้เพื่อเรา และเราก็ถือว่าทรัพย์สินส่วนนั้นมันเป็นของเรา ท่านจะพิจารณาเห็นว่าต้องอาบัติเสมอกันคือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ทีนี้พระบางท่านเวลาเขามาถวายไม่รับ ไม่รับเอง แต่ว่าให้ลูกศิษย์รับ ให้มอบไว้กับลูกศิษย์ แต่ว่าใส่ย่ามเถอะไม่ยอมรับ มือไม่รับ อันนี้ท่านทั้งหลายที่ฟังแล้วเห็นว่ามันพ้นไหม เห็นว่ามันพ้นหรือไม่พ้น มันพ้นตรงไหนกัน รับเองก็ดี ให้คนอื่นรับก็ดี หรือว่าคนอื่นที่เขาเก็บไว้ให้เราที่เรียกว่า ไวยาวัจกร

แต่เรามีความรู้สึกว่าทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านั้นมันเป็นทรัพย์ของเราก็อาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์

นี่ที่ผมย้ำมากๆ ก็เพราะความเข้าใจผิดของปวงชน และพระมีมาก ถ้าตนเองไม่รับเงิน แล้วต่อหน้าคนไม่รับ ลับหลังคนรับ หยิบ หรือต่อหน้าคนไม่รับ ลับหลังคนไม่รับ คนอื่นเก็บเอาไว้ให้ ก็รู้ว่านั่นเงินของเรา มีจำนวนเท่านั้นเท่านี้ จิตใจยังผูกพันอยู่ ไม่ได้พ้นโทษไปเลย ถ้ามันยังไม่พ้นโทษอยู่ นี่ตามความรู้สึกของผม หรือว่าครูบาอาจารย์หลายท่านด้วยกัน ในสมัยโบราณ ผมเรียกว่าโบราณเพราะว่าเวลากาล ผ่านมาประมาณ 40 ปีเศษ ในสมัยที่ผมบวชใหม่ๆ ที่พูดนี้เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2518 ผมบวชผ่านเวลากาลผ่านมาได้ 40 ปีเศษ ถอยหลังไป 40 ปี ผมเรียกว่าโบราณ คือมันเก่าแล้ว คนสมัยนั้นหัวยังเก่าอยู่ ท่านบอกว่า การที่เราไม่รับต่อหน้าคน แต่ว่าให้คนอื่นรับ หรือว่าคนอื่นรับเงินแล้วเขาเก็บไว้เพื่อตนยินดีอยู่ แต่เราไม่ยอมรับ จิตคิดว่าเรามีความดีที่ไม่รับเงิน ท่านบอกว่าคนที่มี อารมณ์อย่างนั้นมีกิเลสหนาแน่นที่สุด เพราะว่าเป็นการหลอกลวงชาวบ้านเขา ทำตนเป็นคนดี แต่ความจริงไม่ได้ดีตามนั้นแต่จิตใจกับเลวทราม

กับท่านผู้รับเองให้ชาวบ้านเขารู้ ไหนๆ เราจะรับแล้ว เราก็ยอมรับเสียต่อหน้าชาวบ้าน เพื่อว่าชาวบ้านเขาจะได้ทราบว่าพระองค์นี้รับเงิน ในเมื่อเขารู้ว่าแล้วเรารับเงิน เขาจะนิยมเราหรือไม่นิยม เป็นเรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว เราเปิดเผยให้เขารับรู้เลยดีกว่า ว่าเรารับเงินรับทอง ถ้าหากว่าเราไม่รับต่อหน้าชาวบ้านแต่ว่าภายหลังเราเก็บเอง หรือบุคคลอื่นเก็บ แล้วก็ทราบว่าเงินของเรา เรามีอยู่ เงินและทองของเรามีอยู่ เราถือสิทธิ์อยู่ ยินดีอยู่ ถ้าชาวบ้านเขาทราบทีหลัง เราจะเสียสองชั้น คือเสียในเรื่องหลอกลวงชาวบ้าน และก็ต้องโทษที่พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้

ดังนั้นในการรับเงินและทองเอง แต่ทว่าจงอย่ายินดีในเงินและทองนั้นว่าเป็นทรัพย์สินของเราโดยเฉพาะ พึงทำใจของเราให้มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเวลานี้เราเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นลูกของพระพุทธเจ้า เงินและทองที่เขาจะถวายเรา เขาก็ถวายเราในฐานะที่เป็นพระ ดังนั้นเวลาที่เขาจะถวายเขาก็บอกว่า ใช้ตามสมควรแก่สมณบริโภค คือเราต้องคิดไว้เสมอว่าเงินทองทั้งหลายเหล่านี้เราจะใช้บำรุงตัวเราเองตามความจำเป็น ถ้าเหลือนอกจากนั้นเราจะเอาเงินจำนวนนี้

ไปสร้างบุญสร้างกุศล ให้เป็นประโยชน์แก่บรรดาสาธารณชน เป็นส่วนสาธารณะ นี่เรียกว่า แม้จะก่อสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา หรือสร้างสิ่งตามความจำเป็นเพื่อความสะดวกของบรรดานักบวชทั้งหลายหรือว่านักบุญทั้งหลาย อย่างนี้จิตใจของเราไม่ยึดถือว่าเงินนี้มันเป็นของเราโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นเงินของพระพุทธศาสนา เป็นเงินของพระ เขาถวายพระ ถ้าเราไม่บวชไม่มีใครเขาให้ จะไปเอาเงินจากเขา บางทีต้องมีโฉนดที่ดินไปให้เขารับรอง ดีไม่ดีเขาก็ไม่ยอมให้ นี่ทำใจของเราให้สบายแบบนี้ จงอย่าติดในลาภ อย่าติดในเงินและทอง อย่างนี้ผมถือว่า เราทนหน้าด้านแต่ว่าใจของเราไม่ด้าน ยอมรับต่อหน้าชาวบ้าน เพื่อเป็นการประกาศความจริงว่าเรามีความจำเป็นจะต้องใช

สิกขาบทนี้แหล่ะท่านบรรดาสหธรรมิกทั้งหลาย ตามความเข้าใจของผม ผมคิดว่าท่านสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่าต่อไปในภายภาคหน้าคนที่จะพะเน้าพะนอพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เหมือนในสมัยที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ไม่มี องค์สมเด็จพระชินสีห์จึงได้ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสในสมัยก่อนหน้าพระปรินิพพาน ว่า

“อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว สิกขาบทบางสิกขาบทซึ่งไม่ใหญ่โตนัก ถ้าหากว่าไม่เหมาะกับกาลสมัย ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะเห็นว่าไม่สมควร จะเพิกถอนเสียก็ได้”

นี่เป็นพระพุทธประสงค์ขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา แต่ด้วยว่าในเมื่อเป็นคำดำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครที่ไหนจะยอมเพิกถอน ก็มีความเคารพในพระองค์ เราสู้เอาหน้าด้านแต่ใจสะอาดดีกว่า ดีกว่าต่อหน้าคนไม่รับ แต่ลับหลังรู้ค่าของเงิน รู้ค่าของทอง รู้จักใช้เงินและทองให้เป็นประโยชน์ส่วนตนและเป็นประโยชน์ส่วนรวม อย่างนี้เขาเรียกว่าหน้าดี แต่ใจด้าน ขอให้ท่านทั้งหลายเลือกเอาอย่างหนึ่ง จะยอมหน้าด้านแต่ว่าใจดี หรือว่าจะเอาหน้าดีแต่ใจด้านกัน ท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า ถ้าเราตายไปแล้ว ร่างกายหรือหน้าก็ดี ตัวก็ดี มันไม่ได้ไปกับเราด้วย ส่วนที่จะไปจริงๆ มันก็คือใจ แต่จะไปเสวยความสุขหรือความทุกข์มันก็อยู่ที่ใจ หน้าด้านแต่ใจดี แสดงว่าใจสะอาด หน้าดีแต่ใจด้านแสดงว่าหน้าสะอาดแต่ว่าใจเสีย ใจสกปรก ทีนี้ถ้าใจของเราสกปรกเวลาตายเราก็เอาความสกปรกไป ส่วนที่สกปรกชาวสวรรค์เขาไม่ชอบ ชาวสวรรค์เขาต้องการความสะอาด เราอยู่ไม่ได้ คนสกปรกต้องไปอยู่ในอบายภูมิทั้ง 4 คือ ในนรก หรือไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน

นี่ขอบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลายพากันวินิจฉัยตามนี้ แล้วก็เลือกปฏิบัติเอา แต่สำหรับผมน่ะขอยอมรับว่าผมหน้าด้านแน่ ในเรื่องการรับเงินรับทอง แต่ใจของผมผมไม่ยอมด้านในเรื่องนี้ เพราะว่าผมไม่ยอมเอาเงินที่เขาเอามาถวายเป็นประโยชน์ส่วนตน ซื้อไร่ซื้อนาซื้อบ้านให้เขาเช่า อะไรพวกนี้ผมไม่มี ออกเงินให้กู้ผมไม่มี ได้มาเท่าไรเหลือกินเหลือใช้ สร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา และให้ความสะดวกกับบรรดานักบุญทั้งหลาย อย่างนี้ผมยอมหน้าเสียเพื่อรักษากำลังใจของตัวเอง ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ยกยอตัวเอง พูดตามความเป็นจริง ครูบาอาจารย์ท่านก็ปฏิบัติมาแบบนี้ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ แล้วทำไมเราจะมาทำหน้าดีใจเสี ยใจเพื่อประโยชน์อะไร พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา “ธรรมทั้งหลาย มีใจถึงก่อนมีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ”

ถ้าใจของเราเลวแต่ว่าหน้าดีมันจะมีประโยชน์อะไร สู้ทำหน้าของเราให้เป็นหน้าด้านแต่ใจสะอาด ดีกว่าหน้าสะอาดใจด้าน เลือกกันเอานะ ผมไม่ได้บังคับ ยังไงๆ ก็บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาเราเป็นปูชนียบุคคล อย่าหลอกลวงชาวบ้านเขาเลยบรรดาเพื่อนทั้งหลาย

ที่มา   https://www.facebook.com/LoveMoralBuddha/ 

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ 

 

 

กะละมังคว่ำ หลวงพ่อชา สุภัทโท

                                     กะละมังคว่ำ

เมื่อเราละบาปแล้ว บำเพ็ญบุญเพิ่มเข้ามาทีละน้อย ก็มีหวังที่บารมีจะเต็มได้เหมือนกะละมังที่ตั้งหงายอยู่กลางแจ้ง แม้ฝนจะตกมาใส่ทีละหยด ๆ มันก็มีโอกาสที่จะเต็มได้ เมื่อเราทำบุญ แต่ยังไม่ละบาป ก็เหมือนกับเราเอากะละมังไปคว่ำไว้กลางแจ้ง ฝนตกลงมาถูกก้นกะละมังเหมือนกัน แต่มันถูกข้างนอก ไม่ถูกข้างใน น้ำก็ไม่มีโอกาสที่จะเต็มกะละมังนั้นได้

                                                                   ...หลวงพ่อชา สุภัทโท...

ที่มา  ***  https://www.facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น***

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ 

 

วิเวกธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

                               "ยํ กิญจิ สมุทยธมมํ สพพนตํ นิโรธธมมํ"

                                     สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดเป็นธรรมดา
                                     สิ่งนั้นทั้งหมด มีความดับเป็นธรรมดา 

   ที่มา  ***  https://www.facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น***

ข้าพเจ้าทำเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเผยแพร่ธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า พระธรรม 
และพระอริยเจ้า โดยรวบรวมจากเว็บต่างๆ   มิได้หวังผลประโยขน์ใดๆ เพียงหวังว่าจะสอนตัวเอง  และเผื่อคนอืนเห็นแล้วปฏิบัติได้ตามหลักคำสอน  โลกนี้ก็จะสงบและน่าอยู่  มีความสุขกันทุกคน  
หากผิดพลาดประการใด  ด้วยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงกาล ขออภัยด้วยครับ
  ข้าพเจ้าขอโมทนาสาธุบุญกับทุกท่านที่ได้มาอ่านเว็บนี้ด้วยครับ